วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568

Vodafone เชื่อมต่อ IoT ครบ 200 ล้านชิ้นทั่วโลก ยกระดับสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่เปลี่ยนโลก

📡 Vodafone เชื่อมต่อ IoT ทะลุ 200 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก!
เปิดฉากโลกแห่งเทคโนโลยีที่ 'อุปกรณ์สื่อสารกันเองได้'

📍 ความสำเร็จระดับโลกจาก Vodafone
Vodafone ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมจากยุโรป ประกาศความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ครบ 200 ล้านชิ้นทั่วโลก! และอุปกรณ์ชิ้นที่ 200 ล้านนั้น คือ “อุปกรณ์ตรวจสุขภาพหัวใจ” ที่ส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้แพทย์ดูแลผู้ป่วยจากระยะไกล — แสดงให้เห็นว่า IoT ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีล้ำ ๆ แต่เป็นกุญแจแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตจริง

📊 โตทะลุเท่าตัวใน 5 ปี
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Vodafone เพิ่มการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้มากกว่าสองเท่า โดย เยอรมนี ถือเป็นประเทศที่มีการใช้งานสูงสุด คิดเป็นกว่า 25% ของทั้งหมด — สะท้อนให้เห็นถึงการตอบรับเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็วในยุโรป

🔧 ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือพลังงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
การเติบโตของ IoT ส่วนใหญ่เกิดจากภาคธุรกิจทั่วโลก ที่หันมาลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เสริมความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่อุปทาน และเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้วิเคราะห์อย่างชาญฉลาด

🌍 ตัวอย่างการใช้งาน IoT ที่น่าทึ่ง:
- ใน แอฟริกาใต้: ใช้ติดตามการเคลื่อนไหวและคุณภาพของถ่านหินจากเหมืองกว่า 200 แห่ง
- ใน ยุโรป: ใช้ตรวจจับน้ำรั่ว, อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ, และเตือนภัยไฟป่าเพื่อรับมือได้ทันท่วงที

🌱 IoT เพื่อโลกที่ยั่งยืน
Vodafone ประเมินว่า มากกว่าครึ่งของการเชื่อมต่อทั้งหมด ช่วยให้ลูกค้าลดการปล่อยคาร์บอนได้โดยตรง เช่น ระบบตรวจสอบพลังงานในตึกอัจฉริยะ หรือเซ็นเซอร์จัดการการจราจรในเมือง เพื่อช่วยลดมลพิษและความแออัด

🗣️ เสียงจากผู้บริหาร Vodafone
Marika Auramo CEO แห่ง Vodafone Business กล่าวว่า:
"ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ Vodafone ที่ช่วยธุรกิจและองค์กรในกว่า 180 ประเทศให้เชื่อมต่อและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน"

Erik Brenneis CEO ของ Vodafone IoT กล่าวเสริมว่า:
"นี่คือจุดเริ่มต้นของการขยายตัวแบบ hyperscale — เราจะเชื่อมต่อทุกอย่างที่เป็นไปได้ และยังมีอีกหลายโมเมนต์ให้เฉลิมฉลองในอนาคต!"

🔗 ยุคใหม่ของ “Economy of Things”
อุปกรณ์ IoT ที่สามารถสื่อสารกันเองได้ กำลังสร้างเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ที่สินทรัพย์ทางกายภาพสามารถ “แลกเปลี่ยนข้อมูล-ทำธุรกรรม” กันได้อย่างปลอดภัยและอัจฉริยะ — เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่โลกดิจิทัลแบบเต็มตัว

🌐 Vodafone ไม่ได้แค่เชื่อมต่อ... แต่กำลังสร้างโลกใหม่
ด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ทั่วโลกถึง 200 ล้านชิ้น Vodafone ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของระบบนิเวศเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่ขับเคลื่อนด้วย “ข้อมูล” และ “การเชื่อมต่อแบบรู้ทันกัน”


💬 ความคิดเห็นเพิ่มเติม

📌 ความสำเร็จนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องตัวเลข แต่สะท้อนว่า “การเชื่อมต่อ” กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกยุคใหม่ ตั้งแต่ระบบสาธารณสุข การเกษตร ไปจนถึงการบริหารเมือง

⚠️ หากธุรกิจใดไม่ก้าวเข้าสู่โลก IoT ตั้งแต่ตอนนี้ อาจพลาดโอกาสครั้งใหญ่ เพราะยุคหน้าไม่ใช่แค่ “เครื่องจักรทำงานแทนคน” แต่คือ “เครื่องจักรที่รู้จักกันเอง”


📲 พร้อมหรือยัง? สำหรับโลกที่ทุกสิ่งพูดคุยกันได้เองแบบอัจฉริยะ

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2568

Samsung เปิดตัว Ballie หุ่นยนต์ผู้ช่วยอัจฉริยะ ผสานพลัง AI จาก Google Gemini

Ballie หุ่นยนต์คู่หูอัจฉริยะ ก้าวล้ำด้วย AI จาก Google Gemini


Samsung เตรียมเปิดตัว Ballie หุ่นยนต์ผู้ช่วยอัจฉริยะภายในบ้าน ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Generative AI 'Gemini' จาก Google Cloud ซึ่งจะช่วยให้ Ballie สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติและอัจฉริยะยิ่งขึ้น โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในช่วง ฤดูร้อนปีนี้

AI เปลี่ยนบ้านให้ฉลาดขึ้น

Ballie ถูกออกแบบมาให้เป็นผู้ช่วยภายในบ้านที่สามารถ:

  • ปรับแสงไฟ ให้เหมาะกับบรรยากาศ

  • ทักทายผู้มาเยือน อย่างเป็นมิตร

  • ปรับแต่งตารางเวลา ส่วนตัวของผู้ใช้งาน

  • ตั้งค่าการแจ้งเตือน ตามกิจกรรมสำคัญ

โดยทั้งหมดนี้สามารถควบคุมผ่านการสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้บ้านกลายเป็น Smart Home ที่แท้จริง

Samsung และ Google กับภารกิจปฏิวัติ AI ภายในบ้าน

ยงแจ คิม (Yongjae Kim) รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจจอแสดงผลของ Samsung กล่าวว่า:

"Samsung และ Google Cloud กำลังร่วมมือกันเพื่อกำหนดบทบาทใหม่ของ AI ภายในบ้าน ด้วยพลังของ Gemini AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้หลายรูปแบบ Ballie จะสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เหมาะกับพฤติกรรมของผู้ใช้มากขึ้น เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของ AI คู่หูส่วนตัวที่มีปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติและลึกซึ้งกว่าที่เคยมีมา"

ทางด้าน โทมัส คูเรียน (Thomas Kurian) ซีอีโอของ Google Cloud ได้เสริมว่า:

"Samsung กำลังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Generative AI ในระดับที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยการผสาน AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม ทำให้ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้อย่างแนบเนียน"

Ballie กับความสามารถ AI อัจฉริยะ

เมื่อผสาน AI จาก Google Gemini เข้าไป Ballie จะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าหุ่นยนต์ทั่วไป เช่น:

  • วิเคราะห์และให้คำแนะนำด้านแฟชั่น – เพียงแค่ถามว่า "เฮ้ Ballie ฉันดูเป็นยังไงบ้าง?" หุ่นยนต์จะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เหมาะสม

  • ช่วยดูแลสุขภาพ – หากคุณบอกว่า "วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อย" Ballie จะใช้ข้อมูลจาก Google Search เพื่อแนะนำวิธีออกกำลังกาย ปรับการนอน หรือแนะนำอาหารที่เหมาะสม

AI ไม่ได้อยู่แค่ในสมาร์ทโฟน แต่ขยับไปสู่หุ่นยนต์

Samsung ได้เริ่มนำ Gemini AI มาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ และขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่การใช้งานในอุปกรณ์ภายในบ้าน Ballie ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิด "Ambient Computing" หรือการที่ AI ผสานเข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมมองว่าการเปิดตัวของ Ballie เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่ต้องการผู้ช่วยอัจฉริยะภายในบ้าน ที่สามารถเคลื่อนที่และโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากผู้ช่วยเสียง (Voice Assistants) แบบเดิมๆ

Ballie จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราอย่างไร?

  • บ้านที่ตอบสนองต่อผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด – AI สามารถเรียนรู้พฤติกรรมและปรับตัวตามความต้องการของผู้ใช้

  • ลดภาระการจัดการภายในบ้าน – Ballie ช่วยทำงานอัตโนมัติ เช่น เตือนตารางเวลา หรือแนะนำกิจกรรม

  • เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน – ไม่ต้องพึ่งพาการใช้สมาร์ทโฟนตลอดเวลา เพราะ Ballie สามารถโต้ตอบกับเราได้โดยตรง

ความคิดเห็นเพิ่มเติม: Samsung Ballie จะเปลี่ยนโลก Smart Home อย่างไร?

การเปิดตัวของ Ballie อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในวงการ Smart Home และ AI Assistants หุ่นยนต์ที่สามารถ เคลื่อนที่ได้ และเข้าใจผู้ใช้มากขึ้น จะทำให้บ้านฉลาดและตอบสนองกับเราได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา ว่าผู้ใช้จะมั่นใจได้แค่ไหนว่าหุ่นยนต์อัจฉริยะเช่นนี้จะไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของพวกเขา

Ballie จะเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนปีนี้ คำถามสำคัญคือ ตลาดพร้อมสำหรับหุ่นยนต์ผู้ช่วยอัจฉริยะหรือยัง? คงต้องรอดูว่าผู้บริโภคจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร

ที่มา iottechnews